"การให้ทานในแบบของพระพุทธศาสนา"
สามารถอ่านได้ที่ด้านล่างเว็บนะครับ

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ภาวนาให้เป็นเพื่อหนีความทุกข์ของโลก




ภาวนาเพื่อหนีความทุกข์

ถาม : มีอยู่วันหนึ่ง มีความรู้สึกว่าไม่สบาย เวียนหัว แล้วพอไปเข้าห้องน้ำ แล้วรู้สึกหน้ามืด พอหน้ามืดตอนนั้น จิตฉุกคิดขึ้นมาว่า ที่เราเป็นอย่างนี้ เพราะมีร่างกาย พอคิดอย่างนี้แล้วรู้สึกมืดไปหมดเลย ไม่รู้ตัว ?

ตอบ : อย่างนั้นแสดงว่ากำลังใจของเราใช้ได้จ้ะ เวลาเกิดเวทนา เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยกับร่างกายขึ้นมา เราสามารถนึกถึงข้อธรรมคำสอนได้อะไรได้ ตอนนั้นถ้าตั้งใจหน่อยเดียวว่า ถ้าตายตอนนี้เราขอไปพระนิพพาน ก็สบายเลย

แบบนี้แสดงว่าลูกพ่อจริงๆ หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็ไปหน้ามืดอยู่ในห้องน้ำ แล้วท่านไม่ได้หน้ามืดเฉยๆ แต่หล่นจากโถส้วมไปกองกับพื้นเลย เสร็จแล้วท่านก็อุตส่าห์พยายามทรงตัวถอดกลอนออกมา แล้วมาหมอบอยู่หน้าห้องน้ำ ท่านบอกว่า เดี๋ยวคนไปลือว่าข้าตายคาโถส้วม ลูกศิษย์จะขายหน้าเขา ก็เลยตะกายออกมาตายข้างนอก หมดลมอยู่พักหนึ่ง พระท่านไล่กลับมา ก็เลยต้องฟื้นใหม่

ถาม : แล้วตอนนั้นที่รู้สึกว่ามืดไปนั้นเป็นอย่างไรคะ ?

ตอบ : มีอยู่สองอย่างจ้ะ คือ สติขาดไป เพราะเวทนาที่เกิดขึ้นบีบคั้น อีกอย่างหนึ่งก็คือ พอเป็นฌานอยู่บ้าง แต่ว่าสติตามไม่ทัน ก็ตัดไปเฉยๆ ลักษณะนั้นเหมือนกับวูบไป อาการใกล้เคียงกันมาก ต้องสังเกตดูให้ดี แต่ว่าถ้าทำในลักษณะนั้นได้ก็สบายใจได้เลยว่า อย่างน้อยกำลังใจของเราน่าจะเกาะความดีได้อยู่บ้าง แต่อย่าไปประมาทนะ หมั่นทำบ่อยๆ

อาตมาตอนป่วยหนักคราวก่อนนี้ เกาะไม่ปล่อยเลย เขาจะหามไปเผาทิ้งเสียแล้ว ถึงเวลาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเกิดขึ้นหนักๆ ถึงเวลาก็จับอารมณ์ภาวนาเพื่อหนีความทุกข์ของร่างกาย ปรากฏว่าจับแน่นไป เขาจะเอาไปเผาเสียแล้ว อย่าพยายามเลียนแบบจ้ะ คนไม่เข้าใจเขาเอาไปเผาแล้วจะยุ่ง

ถาม : แต่ก่อนที่จะวูบไป จิตรู้ตัวว่าเวียนหัว แต่ไม่มีความทุกข์ ?

ตอบ : จ้ะ เรารู้เท่าทัน แต่ขณะเดียวกัน จิตก็พร้อมที่จะรับ ตอนนั้นนึกถึงพระได้เลยจ้ะ ถ้าหากว่าเราตายตอนนี้ ขอไปอยู่กับพระที่พระนิพพานกับท่านแล้วกัน ทำอารมณ์ใจสบายๆ จะเป็นจะตายก็ปล่อยไป ถ้าลืมตาตื่นขึ้นมา เราก็ทุกข์ต่อไป ถ้าไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาเราก็สบายไปเลย อาตมาพยายามทำหลายครั้งแล้ว ตื่นทุกครั้งเลย


สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

ที่มา board.palungjit.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

การให้ทานในแบบของพุทธศาสนา

ในสเตตัสก่อนผมเขียนไว้ไม่ครบ
อาจทำให้หลายท่านเข้าใจผิดบางประเด็น
จึงขอแจกแจงให้ละเอียดขึ้นครับ

เมื่อพูดถึง ‘การให้ทานในแบบของพุทธ’
ต้องเข้าใจว่าไม่ได้หมายถึงการถวายสังฆทาน
แต่มุ่งเอา ‘จิตคิดให้ เพื่อสละความตระหนี่’ เป็นหลัก

แต่เมื่อกล่าวถึงอานิสงส์แก่ผู้ให้และผู้รับ
นับเอาความสุข ความเจริญ
ที่ผลิดอกออกผลในปัจจุบันกาลและอนาคตกาล
พระพุทธเจ้าก็ตรัสจำแนกแจกแจงไว้ดังนี้

ทานอันดับหนึ่ง ไม่มีอะไรชนะได้ คือธรรมทาน
(สัพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ)
ธรรมทานคือการให้ความรู้ ให้มุมมอง ให้แรงบันดาลใจ
ที่จะนำไปสู่การมีที่พึ่งให้ตนเอง ทั้งในการใช้ชีวิตนี้
และการเวียนว่ายตายเกิดต่อๆไปในชีวิตหน้า
ยกเอาสิ่งที่จะทำให้เห็นชัดว่าทำไมธรรมทานจึงเป็นที่หนึ่ง
ต้องดูจากที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
การตอบแทนพ่อแม่อันสมน้ำสมเนื้อกับที่ท่านให้ชีวิตเรา
คือการทำให้พ่อแม่ (ซึ่งยังไม่เข้าใจธรรม)
ได้เกิดศรัทธาที่ตั้งมั่นในธรรม มีใจตั้งมั่นในทานและศีล
ถ้าทำได้ ก็เรียกว่าเป็นการให้ธรรมเป็นทานอันยิ่งใหญ่ที่สุด
เพราะช่วยผู้ให้กำเนิดชีวิตเรา ปลอดภัยในการเดินทางไกล
ต่อให้ลูกกตัญญู แบกพ่อแม่ไว้บนบ่าให้อึฉี่รดหัวเราตลอดอายุขัย
ก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนได้เท่าการให้ธรรมเป็นทานแก่พวกท่าน

ทานอันดับสอง คือการรักษาศีล
เพราะเมื่อรักษาศีลแล้ว
สัตว์ที่มีสิทธิ์ได้รับความเดือดร้อนจากการเบียดเบียนของเรา
หรือคู่เวรที่จำต้องถูกเราประหัตประหารหรือทำร้ายกัน
ก็จะได้รับการปลดปล่อยจากเขตอันตราย
หรือได้รับการปกป้องให้ปลอดภัยจากศีลของเรา
แม้เขาทำให้เราผูกใจเจ็บ ก็ได้รับอภัยทานจากเรา
ไม่ต้องตีกันไปตีกันให้เจ็บช้ำน้ำใจกันยืดเยื้อต่อไปอีก

ทานอันดับสาม คือการให้ทรัพย์ ให้แรงงาน ให้กำลังสมอง
เมื่อให้สิ่งที่เรามีเป็นทาน ย่อมได้ชื่อว่าสละความหวงแหน
อันเป็นเหตุให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น
นับเป็นต้นทางหลุดพ้นจากการยึดติดผิดๆ

ประเด็นคือการให้ทรัพย์ ให้แรงงาน ให้กำลังสมองนั้น
ถ้าจะดูว่าให้กับใครจัดว่าให้ผลใหญ่ที่สุด
ก็ต้องมองว่า ‘ผู้มีจิตบริสุทธิ์’ หรือ ‘ผู้พยายามทำจิตให้บริสุทธิ์’
คือผู้ที่ทำให้เรารู้สึกดีที่สุด
ลองเทียบดูระหว่างช่วยพระกับช่วยโจร
อย่างไหนทำให้ปลื้มมากกว่ากัน

การทำทานกับสมณะในพุทธศาสนานั้น ถือว่าเลิศสุด
(ย้ำว่าในมุมมองของพุทธเรา)
ดังเช่นที่ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้หลายแห่งว่า
เป็นเหตุให้มีจิตผูกพันกับพุทธศาสนา
เป็นปัจจัยให้เข้าถึงมรรคผลนิพพาน

ทั้งนี้ทั้งนั้น การช่วยทุกอย่าง มีผลดีหมด
อย่างเช่น ช่วยกลับใจโจร
ก็ได้ผลเป็นความไม่เดือดร้อนของเราเองในปัจจุบัน
และในกาลข้างหน้าเมื่อเราหลงผิด
ก็ย่อมมีผู้มาช่วยเปลี่ยนความคิดให้เห็นถูกเห็นชอบได้ง่าย เป็นต้น ครับ

ที่มา Dungtrin