"การให้ทานในแบบของพระพุทธศาสนา"
สามารถอ่านได้ที่ด้านล่างเว็บนะครับ

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

คาถาเงินล้านและวิธีสวด




***คาถาเงินล้าน**

ตั้งนโม 3 จบ

สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ(คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม(คาถาเงินแสน)
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม(คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตพาหุหะติ(คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม(คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ(คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ

(บูชากี่จบก็ได้ ตัวคาถาต้อว่าทั้งหมด ข้อความอธิบายในวงเล็บไม่ต้องสวด)
(พรหมา-อ่านว่า พรม-มา)
(สวาโหม-อ่านว่า สะ-หวา-โหม)

พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

คำอธิบาย-

หลวงพ่อได้คาถาบทเหล่านี้โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ(องค์ปฐม)ตั้งแต่ปี 2517 เป็นเวลา 4 ปี จึงจะได้ครบถ้วน ท่านบอกว่า คาถาที่ได้จากกรรมฐาน เขาจะไม่บอกใคร เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527 เวลา 23.59 น. องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลาน และพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุง จะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี 2532 จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัท และลูกหลานของหลวงพ่อ มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น
คาถา"นาสังสิโม" หลวงพ่อให้ท่องเพิ่มเติมเมื่อปี 2532

คาถา"เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ" พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อ เมื่อ พฤศจิกายน 2533 เป็นภาษาโบราณ แต่เทียบกับภาษาไทยอ่านได้อย่างนี้ เป็น"คาถามหาลาภ" มีผลยิ่งใหญ่มาก......

วิธีภาวนาคาถาเงินล้านให้บังเกิดผลวิธีที่ 1

ถาม : ตอนนี้ผมเจอปัญหาอยู่ ผมไปที่วัดท่าซุงและตั้งจิตที่จะปฏิบัติยึดตามคำสอนของหลวงพ่อ ผมฟังธรรมะท่าน ฟังเอ็มพีสาม ตั้งจิตไว้ว่าขอนิพพานในชาตินี้ ผมมานั่งคุยกับเพื่อน เขาบอกว่าเกิดจากการที่เราตั้งจิตขอให้จบในชาตินี้ วิบากกรรมที่ได้รับกลับมา ในทางธรรมผมเห็นความเปลี่ยนแปลงระดับหนึ่งซึ่งผมตั้งใจไป แต่ทางโลกมันเกิดปัญหาในเรื่องการงาน ที่เคยตั้งใจหวังไว้หลายอย่างถูกทำให้เลื่อนออกไป ห่างออกไป เลยขอความเมตตาจากท่าน

ตอบ : ไปเอา คาถาเงินล้านของหลวงพ่อวัดท่าซุง มาภาวนา สักเช้าชั่วโมงเย็นชั่วโมง ถ้าทำได้ต่อเนื่องกันสองเดือน ทุกอย่างจะคล่องตัวเอง เพราะในคาถาเงินล้านมีอยู่บทหนึ่งที่ใช้แก้ไขอุปสรรคโดยเฉพาะ ส่วนบทอื่นจะเสริมความคล่องตัวเรื่องการงานและการเงิน เราใช้เป็นคำภาวนาไปเลย ปกติเราจะภาวนาอย่างไรก็ช่าง แต่คาถาเงินล้านให้ภาวนาเช้าสักชั่วโมงเย็นชั่วโมง ภาวนาจับลมหายใจเข้าออกเหมือนกับที่เราภาวนาคาถาอื่น ไม่ใช่ท่องสักแต่ว่าให้จบ ภาวนาหายใจออกนึกตามไป หายใจเข้านึกตามไป ให้ใจอยู่เฉพาะหน้า ถ้าทำอย่างนี้ได้ต่อเนื่องสองเดือนก็จะเห็นผล ถึงเวลาก็อย่าบ่นแล้วกัน ถ้าอะไรไหลมาเทมาจนเยอะเกินกำลังของเรา

ถาม : สิ่งที่เข้ามาอาจจะหนักสำหรับเรา

ตอบ : แล้วคุณจะไปกลัวทำไม ?

ถาม : เรื่องสังขารร่างกายผมไม่มีปัญหา ผมไม่กลัว แต่..

ตอบ : คุณไม่ต้องไปใส่ใจ การที่เราตัดการเวียนตายเวียนเกิดนับชาติไม่ถ้วนลงไปได้ โดยการใช้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในแค่ชั่วอายุไม่กี่ปีของเรานี้ ดีกว่าการเกิดมาทุกข์อีกนับกัปไม่ถ้วน แล้วทำไมเราจะอยู่กับโลกนี้โดยดีไม่ได้แทนที่จะรู้สึกกลัว ควรจะรู้สึกบันเทิงเริงใจมากกว่า ถ้าเขายิ่งทวงมากเท่าไร เราก็ไปได้เร็วเท่านั้น

ถาม : พระคำข้าว หลวงพ่อเคยบอกว่า..?

ตอบ : ไม่ต้องเสียเวลาหรอก ถ้าคุณไปภาวนาคาถาเงินล้านภายในสองเดือนก็รู้เรื่องแล้ว

ถาม : ภาวนาเช้าชั่วโมงเย็นชั่วโมง โดยประมาณใช่ไหมครับ ?

ตอบ : ใช่..เรื่องของเรายังไม่หนักหนาสาหัสหรอก เรื่องของพระคำข้าวที่ท่านให้ขอพรได้ อาตมาไม่ได้ยินจากปากของหลวงพ่อเอง

แต่เขาบอกต่อๆ กันมา แล้วมาเข้าหู อะไรที่ไม่ได้ยินมาจะไม่กล้ายืนยัน

ถาม : เห็นเขาอ้างว่าท่านบอก

ตอบ : อาตมาเพียงแต่บอกให้ทราบว่า ได้ยินมาอย่างนี้ แต่ไม่ได้ฟังจากปากหลวงพ่อเอง

ถาม : เขาบอกว่าถ้าไม่สุดๆ เต็มที่ จนเลือดตากระเด็น อย่าไปทำเลย

ตอบ : อาตมาเองก็ไม่เคยคิดที่จะทำด้วย เพราะว่าการที่เราใช้อะไรบางอย่างมากจนเกินไป ถึงเวลาเขาทวงคืนก็โดนมากเหมือนกัน

ถาม : เหมือนกับเราติดหนี้มากขึ้นใช่ไหมครับ ?

ตอบ : ใช่..เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นอย่าไปทำ ใช้ความสามารถของเราเองนี่แหละ ถ้าคุณภาวนาคาถาเงินล้านให้อารมณ์ทรงตัวเช้าชั่วโมงเย็นชั่วโมง ภายในสองเดือนต้องเห็นผลแน่นอน ขอยืนยันทุกวันนี้อาตมาทำอะไรง่าย จนคนเขาอิจฉากันหมดแล้ว เพราะจริงๆ ก็คือ คาถาบทเดียวนี่แหละ ขอให้เราทำจริงเท่านั้น ทุกอย่างสะดวกแน่

สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๔


วิธีภาวนาคาถาเงินล้านให้บังเกิดผลวิธีที่ 2

ถาม : เรื่องลดค่าเงินบาท ?

ตอบ: ไม่ต้องถามจ้ะ เอาคาถาเงินล้านไปตั้งใจท่องอย่างจริงๆ จังๆ มันฟื้นเร็ว

ถาม : ท่องวันละ ๙ จบ ?

ตอบ: รู้มั้ย ? อาตมาเคยท่องวันละ ๑,๒๐๐ จบ จำไว้ว่าถ้าอยากรวยทำแค่นั้นนะเหรอ ? เยอะๆ หน่อย ๓๐๐,๕๐๐ จบไปเลยก็ได้ ท่องไปเลย ๓ วัน ๓ คืนก็ได้ คาถาเงินล้านมีเคล็ดลับอยู่ตรงที่ว่าอย่าทำเพราะอยากได้ให้ทำ เพราะว่าเป็นของดีที่สุดครูบาอาจารย์ให้ไว้ หน้าที่ของเราก็คือรักษาสมบัติครูบาอาจารย์ด้วยการท่องบ่นภาวนาเป็นปกติ อีกข้อหนึ่ง อย่าทำเพราะอยาก ว่าไปเยอะๆ อาตมาเริ่มต้นขึ้นมา ๓๐ ต่อไป ก็ ๓๐๐ มีแต่มากขึ้น ไม่มีน้อยลง ปัจจุบันนี้นึกได้เมื่อไรว่าเมื่อนั้น

ถาม : จะดีขึ้นมั้ยครับ ?

ตอบ: ถ้าหากว่าเอาคาถาเงินล้านไปทำ ทุกอย่างมันจะดี เพราะคาถานี้เป็นเรื่องของลาภผลโดยตรง แล้วห้ามบ่นว่าเหนื่อย ถ้าหากว่าเกี่ยวกับเรื่องการงานมันมาชนิดทำกันตายไปข้างหนึ่งเลย

ถาม : หนักไปทางสวดมนต์

ตอบ: อันไหนก็ได้ ขอให้เป็นการทำความดีเท่านั้น ในเมื่อเราสวดมนต์เก่ง ก็สวดคาถาเงินล้านแทนไปเลย

ถาม : ๙ จบน้อยไป ?

ตอบ: น้อยไป น้อยมาก อาตมาเองเล่นทีหลายๆ ร้อยจบมาหลายปีแล้ว มีอยู่ ๓ ปีเต็มๆ ที่ภาวนาคาถาเงินล้านวันละ ๓๐๐ จบเป็นอย่างน้อย ภาวนาไป ชักลูกประคำไปจน ๒ ข้างด้านเป็นเม็ดเบ้อเร่อเลย ลูกประคำเส้นนั้น โดนเขาปล้นไปแล้ว เพราะว่าชักมันจนเป็นแก้วไปเลย คิดดูแล้วกัน มือถูกับไม้จนกระทั่งไม้ใสเป็นแก้วไปเลย เป็นยังไงล่ะ ? ถ้าไม่ทำจริงๆ ขนาดนั้นไปไม่รอดหรอก

ทำเพราะว่าอาตมาเชื่อครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่าอะไรก็เป็นอย่างนั้น ตลอดเวลาที่เริ่มต้น ตั้งแต่รู้จักศึกษาวิชาการที่สอนให้ ทุกอย่างเป็นไปตามนั้นหมด ในเมื่อท่านบอกว่าคาถาเงินล้านทำแล้วรวย

สมัยหลวงปู่ปาน ก็มีนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ ท่านทำแล้วรวยเป็นหลักเป็นฐาน มาถึงรุ่นหลวงพ่อ ไม่มีใครทำจริงๆ อาตมาก็เลย...กูทำเองก็ได้ อาตมาใช้เวลาสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี เวลา ๑๓ เดือน สร้างครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่างจากพื้นดินเปล่าๆ ปัจจุบันนี้ทำที ๔-๕ วัดพร้อมๆ กันโดยไม่กลัวไม่มีสตางค์ เพราะว่าคาถาบทนี้บทเดียว ไปทำเถอะ

ถาม : งานขาดทุน สับสน?

ตอบ: ไม่ต้องสับสนอะไรทั้งนั้น ถ้าเรามาถึงจุดนี้แล้ว โยมมีสมเด็จคำข้าวหรือสมเด็จหางหมาก สมัยหลวงพ่อไหม ? ถ้าหากว่าไม่มีไปหามาแล้วใช้ควบคาถาเงินล้าน ทุกอย่างจะคล่องหมด ขอให้ทำจริงๆ เท่านั้น ทุกอย่างจะคล่องตัวหมด

เคยภาวนาแล้วอยากจะรู้ว่า ในแต่ละวัน ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาภาวนาคาถาเงินล้าน ภาวนาช้าๆ สติจับตามอยู่ตลอดทุกคำ ประเภทที่เรียกว่าเน้นคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ จะดูว่าได้เท่าไร ปรากฏว่าตั้งแต่ตี ๓ ยัน ๑ ทุ่มของแต่ละวัน จะได้ประมาณ ๑,๒๐๐ จบ จะมีเวลาหยุดกินข้าว ตีซะว่า ๒ มื้อ ๑ ชั่วโมงแล้วกัน ตี ๓ ถึง ๑ ทุ่มทำอยู่ทุกวัน ทำอยู่ประมาณ ๓ เดือนเต็มๆ ทำจนกระทั่งคำนวณได้ว่าแต่ละวันจะได้ประมาณ แต่ถ้าท่องเร่งๆ ได้เยอะกว่านั้นเยอะ แต่นี่ประเภทเอาคุณภาพกันเลย ทำให้มันจริงๆ ซะที อาตมาเอาต้นทุน ๓๐๐ นี่ล่อซะ ๓ ปีเต็มๆ เสร็จแล้ว ๑,๒๐๐ จบนี่เล่นอยู่ประมาณ ๓ เดือน แล้วหลังจากนั้นมาเปลี่ยนเป็นนึกได้เมื่อไรก็ว่าเมื่อนั้น ไอ้เรื่องนับจบเลิกนับแล้ว


สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนธันวาคม ๒๕๔๕(ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

ประวัติพระคาถาเงินล้าน




เสียงสวดพระคาถาเงินล้านพระวัดท่าซุง


ที่มา : http://board.palungjit.com


2 ความคิดเห็น:

  1. ไฟล์เสียงสวดคาถาเงินล้าน นำสวดโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    โหลดได้ที่นี่เลยครับ http://adf.ly/5012324/money

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

การให้ทานในแบบของพุทธศาสนา

ในสเตตัสก่อนผมเขียนไว้ไม่ครบ
อาจทำให้หลายท่านเข้าใจผิดบางประเด็น
จึงขอแจกแจงให้ละเอียดขึ้นครับ

เมื่อพูดถึง ‘การให้ทานในแบบของพุทธ’
ต้องเข้าใจว่าไม่ได้หมายถึงการถวายสังฆทาน
แต่มุ่งเอา ‘จิตคิดให้ เพื่อสละความตระหนี่’ เป็นหลัก

แต่เมื่อกล่าวถึงอานิสงส์แก่ผู้ให้และผู้รับ
นับเอาความสุข ความเจริญ
ที่ผลิดอกออกผลในปัจจุบันกาลและอนาคตกาล
พระพุทธเจ้าก็ตรัสจำแนกแจกแจงไว้ดังนี้

ทานอันดับหนึ่ง ไม่มีอะไรชนะได้ คือธรรมทาน
(สัพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ)
ธรรมทานคือการให้ความรู้ ให้มุมมอง ให้แรงบันดาลใจ
ที่จะนำไปสู่การมีที่พึ่งให้ตนเอง ทั้งในการใช้ชีวิตนี้
และการเวียนว่ายตายเกิดต่อๆไปในชีวิตหน้า
ยกเอาสิ่งที่จะทำให้เห็นชัดว่าทำไมธรรมทานจึงเป็นที่หนึ่ง
ต้องดูจากที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
การตอบแทนพ่อแม่อันสมน้ำสมเนื้อกับที่ท่านให้ชีวิตเรา
คือการทำให้พ่อแม่ (ซึ่งยังไม่เข้าใจธรรม)
ได้เกิดศรัทธาที่ตั้งมั่นในธรรม มีใจตั้งมั่นในทานและศีล
ถ้าทำได้ ก็เรียกว่าเป็นการให้ธรรมเป็นทานอันยิ่งใหญ่ที่สุด
เพราะช่วยผู้ให้กำเนิดชีวิตเรา ปลอดภัยในการเดินทางไกล
ต่อให้ลูกกตัญญู แบกพ่อแม่ไว้บนบ่าให้อึฉี่รดหัวเราตลอดอายุขัย
ก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนได้เท่าการให้ธรรมเป็นทานแก่พวกท่าน

ทานอันดับสอง คือการรักษาศีล
เพราะเมื่อรักษาศีลแล้ว
สัตว์ที่มีสิทธิ์ได้รับความเดือดร้อนจากการเบียดเบียนของเรา
หรือคู่เวรที่จำต้องถูกเราประหัตประหารหรือทำร้ายกัน
ก็จะได้รับการปลดปล่อยจากเขตอันตราย
หรือได้รับการปกป้องให้ปลอดภัยจากศีลของเรา
แม้เขาทำให้เราผูกใจเจ็บ ก็ได้รับอภัยทานจากเรา
ไม่ต้องตีกันไปตีกันให้เจ็บช้ำน้ำใจกันยืดเยื้อต่อไปอีก

ทานอันดับสาม คือการให้ทรัพย์ ให้แรงงาน ให้กำลังสมอง
เมื่อให้สิ่งที่เรามีเป็นทาน ย่อมได้ชื่อว่าสละความหวงแหน
อันเป็นเหตุให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น
นับเป็นต้นทางหลุดพ้นจากการยึดติดผิดๆ

ประเด็นคือการให้ทรัพย์ ให้แรงงาน ให้กำลังสมองนั้น
ถ้าจะดูว่าให้กับใครจัดว่าให้ผลใหญ่ที่สุด
ก็ต้องมองว่า ‘ผู้มีจิตบริสุทธิ์’ หรือ ‘ผู้พยายามทำจิตให้บริสุทธิ์’
คือผู้ที่ทำให้เรารู้สึกดีที่สุด
ลองเทียบดูระหว่างช่วยพระกับช่วยโจร
อย่างไหนทำให้ปลื้มมากกว่ากัน

การทำทานกับสมณะในพุทธศาสนานั้น ถือว่าเลิศสุด
(ย้ำว่าในมุมมองของพุทธเรา)
ดังเช่นที่ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้หลายแห่งว่า
เป็นเหตุให้มีจิตผูกพันกับพุทธศาสนา
เป็นปัจจัยให้เข้าถึงมรรคผลนิพพาน

ทั้งนี้ทั้งนั้น การช่วยทุกอย่าง มีผลดีหมด
อย่างเช่น ช่วยกลับใจโจร
ก็ได้ผลเป็นความไม่เดือดร้อนของเราเองในปัจจุบัน
และในกาลข้างหน้าเมื่อเราหลงผิด
ก็ย่อมมีผู้มาช่วยเปลี่ยนความคิดให้เห็นถูกเห็นชอบได้ง่าย เป็นต้น ครับ

ที่มา Dungtrin