การปฏิบัติสมาธิไม่ให้สนใจในร่างกาย
ถาม : อย่างผม ถ้านั่งขัดสมาธิตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่จำความได้เลย ไม่เกิน ๑๕ นาที นี่แค่นั่งก็เจ็บแล้ว ไม่เกิน ๑๕ นาทีก็จะชา หรือแม้กระทั่งนั่งพับเพียบก็ตาม ถ้านั่งพิงหลังเสียหน่อย อย่างเก่ง ๓๐ นาทีนี่ก็ โอ้โห ! หนักแล้ว แต่พอนั่งที่มันสบายๆ บางทีมันก็หลับ เรามีวิธีหรืออุบายอะไรที่จะให้มันนั่งได้ดีที่สุด ?
ตอบ: เอาแบบหลวงปู่ฝั้น มั้ยล่ะ ? ของท่านนั่งทีไรหลับทุกที ท่านเองรำคาญขึ้นมา ก็เลยเอาปี๊บไปตั้งไว้ขอบเหว นั่งอยู่บนตูดปี๊บ กะว่าถ้ามันสัปหงกก็ให้หัวทิ่มลงเหวตายไปเลย อย่างนั้น ท่านบอก แหม ! กำลังใจมันรวมตัวดีเหลือเกินวันนั้น ภาวนาได้ดีเป็นพิเศษ (หัวเราะ)
แต่ว่าไอ้เรื่องของร่างกาย จริงๆ แล้วการปฏิบัติเขาไม่ให้สนใจในร่างกาย ถ้าเราไม่สนใจมัน พอเกินครึ่งชั่วโมงไปมันจะลืมความรู้สึกอันนั้น พอลืมความรู้สึกอันนั้น มันก็แปลก คราวนี้มันจะทรงตัวยาวเท่าไหร่ก็ตาม ถ้าหากมันเลยไอ้ตัวเจ็บตัวปวดนั่นไป แล้วถ้าหากถอนกำลังใจมาเมื่อไหร่ มันลุกเดินได้เดี๋ยวนั้นเลย แต่ถ้าหากเรานั่งอยู่ในระดับครึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงนี่ลุกขึ้นมากว่าจะขยับได้ เหน็บมันกินนานมาก
ถาม : มันทั้งเจ็บ ทั้งปวด ถึงขนาดนั้นเลย ?
ตอบ: ใช่ ถ้าหากว่าเป็นสายของหลวงปู่มั่น ท่านจะดูตัวเวทนา คือความรู้สึกเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้น ท่านจะดูเวทนานี้เป็นของเราจริงหรือ ?
ถาม : แล้ววิธีอย่างนี้ ทางหลวงพ่อ... ?
ตอบ: ของหลวงพ่อท่านไม่แนะนำ ท่านบอกว่าถ้าเมื่อยก็ให้ขยับเปลี่ยนท่าได้ แต่ให้ประคองกำลังใจไว้ให้ดี ท่านบอกว่าร่างกายของมันเกิดอาการเจ็บปวดขึ้นมา ถ้าจิตบางคนไปกังวลอยู่กับมัน มันจะไม่ได้อะไรเลย มันจะไปกลุ้มอยู่กับอาการปวด การเมื่อย การชาของร่างกายแทน เพราะฉะนั้นหลวงพ่อท่าน ท่านบอกให้ขยับได้เลย แต่ว่าก่อนขยับนี่ ให้ตั้งกำลังใจให้ดี อย่าเผลอให้มันเคลื่อน ตั้งกำลังใจทรงตัว มั่นใจว่าไม่เคลื่อนแล้วเราค่อยๆ ขยับเปลี่ยนท่าของเราไป อาตมาทุกวันนี้ที่นั่งอยู่นี่ ก็อยู่ประมาณ ๑๕ นาทีจะขยับทีหนึ่ง จนกระทั่งบางทีลูกศิษย์เขาสงสงสัยว่า อาจารย์ทำไมขยับบ่อยจัง บอก เออ ! เดี๋ยวเอ็งแก่เท่าข้าก็รู้เอง
ถาม : ของผมเอง ตอนปฏิบัติไม่ถูกก็ไม่รู้ว่าสมาธิดีๆ มันคืออะไร แต่พอขยับมันก็มีความรู้สึกบอกตัวเองว่า เรายังไม่มีสมาธิสักที ?
ตอบ: เคยทำอยู่ ประเภทว่านั่ง ๓ ชั่วโมง ๕ ชั่วโมง อะไรอย่างนั้น ก็กล้ายืนยันได้เต็มปากเต็มคำว่า ถ้ามันเลยอาการเจ็บปวดนั้นไปแล้ว จะนั่งไปสัก ๓ วัน ๓ คืน มันก็อยู่ของมันได้ แล้วมันแปลกดีนะ ว่าถอนจิตออกมาปุ๊บนี่ มันลุกเดินได้เลย มันเหมือนกับร่างกายไม่ได้รับการกดทับอะไรมาก่อนเลย เป็นเรื่องประหลาดดีเหมือนกัน มันจะลุกเดินได้เดี๋ยวนั้นเลย แล้วจะรู้สึกตัวเบาเป็นพิเศษด้วย คล้ายๆ กับว่าถึงตอนนั้นแล้ว สภาพจิตมันสามารถคุมร่างกายได้หรือไง ก็บอกไม่ถูก แต่ว่าถ้าหากยังอยู่ในระดับครึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงหนึ่งนี่ ถ้าลุกขึ้นนี่เหน็บกินนานเลย แต่ว่า แหม ! เจ้าประคุณเถอะ อีตอนที่มันทรมานมากๆ นี่มันเหมือนกระดูกจะแตกเป็นชิ้นๆ ก้นมันเหมือนกับบางลงๆ กระดูกจะทะลุออกมาข้างนอกก้นอย่างนั้นน่ะ โอ้โห ! มันทั้งเจ็บทั้งแสบ ทั้งร้อน บอกไม่ถูก คำพูดที่จะอธิบายเป็นภาษามนุษย์มันคงอธิบายไม่ได้หรอก แต่เคยลองดูแล้ว รสชาติมันเด็ดขาดดีมากเลย สารพัดความรู้สึกทรมาน มันจะมารวมอยู่ที่เดียว
ถาม : บางทีก็รู้สึกแปลกใจว่า ร่างกายเราก็ไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรง แต่ทำไมนั่งแล้วมันเป็นทุกข์ได้ขนาดนี้ ?
ตอบ: ถ้าเป็นสายของหลวงปู่มั่น ท่านจะดูทุกข์ ดูเวทนา ก็จำเป็นต้องบังคับให้นั่งนานๆ แต่ถ้าของหลวงพ่อนี่ท่านจะให้เปลี่ยนท่าไปเลย
ถาม : ของผมบางทีไม่มาที่นี่ก็มักจะไปที่อื่น คือก่อนจะรู้จักที่นี่ ก็ไปที่อื่นก็ถามไปเรื่อย บางทีไปก็ไม่ได้คุยกับหลวงปู่ หลวงพ่อ อะไรมากมาย เดินๆ อยู่ในวัด มันก็รู้สึกสบายใจ ?
ตอบ: อย่างน้อยๆ กระแสของสถานที่ มันไม่มากไปด้วยรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนอย่างกับทั่วๆ ไป ถึงมันจะมีอยู่บ้าง มันก็ไม่หนักเท่า ในเมื่อสถานที่ที่มีกระแสที่ดี มันก็เลยพาให้เราสงบไปได้เร็ว ยิ่งเป็นสถานที่สำคัญมีพระพุทธรูปสำคัญ มีหลวงปู่ หลวงพ่อที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กำลังใจมันรวมตัวปั๊บเลย ให้นั่งอยู่นานเท่าไหร่ก็อยู่ได้ สบายใจ สถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง ตามพระธาตุ ตามเจดีย์ หรือตามสถานที่มีพระพุทธรูปสำคัญอยู่ ไปเมื่อไหร่ก็สบายเมื่อนั้น
สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น