1. ระงับความพอใจในขันธ์ 5 เสีย คิดว่าร่างกาย
มันตายอยู่ตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก
ไม่ลืมความตาย เป็นทั้งสมาธิและวิปัสสนารวมกัน
2. ทรงศีลให้บริสุทธิ์ ควรทำเป็นสีลานุสสติกรรมฐาน
ทรงศีลให้เป็นกำลังฌาน คือ ทรงอารมณ์อยู่ในศีล
ตลอดวันตลอดคืน ไม่ยอมให้ศีลบกพร่องทางใจ
ไม่ใช่ต้องไปนั่งหลับตาปี๋ ให้ลืมตาทำงาน
คุยกับหมากับแมว หรือเจอะหน้าคนด่าคนนินทา
ศีลเราทรงตัวไม่หวั่นไหวใช้ได้
เป็นการตัดสังโยชน์ ข้อ 2 สีลัพตปรามาส
3. ตัดวิจิกิจฉา โดยการน้อมใจเคารพในคุณพระรัตนตรัย
ทั้ง 3 ประการ คือ ทรงพระกรรมฐาน 3 ให้เป็นฌาน
คือ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ให้ทรงตัว
4. ตัดสินใจทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพานในชาตินี้
ไม่ต้องการเกิดเป็นคนรวยสวยแข็งแรง
ไม่ต้องการเกิดเป็นเทพ เทวดา พรหม
กำลังใจมุ่งพระนิพพานเป็นอุปสมานุสสติกรรมฐาน
การที่จะหลีกหนีบาปกรรมชั่วหรือนรกได้ ก็ต้องปฏิบัติให้ได้ทั้ง 4 ข้อนี้ หรือตัดสังโยชน์ 3 ประการได้ ท่านให้ชื่อว่าผู้เข้ากระแสพระนิพพาน คือ พระโสดาบัน ท่านผู้นั้นบาปเก่าทั้งหมดตามไม่ทัน ไม่สามารถถูกลงโทษได้แล้วก็ท่านผู้นั้นจะไม่มีการตกนรก ไม่เกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานต่อไปอีกทุกชาติที่เกิด จะวนเวียนเฉพาะเป็นมนุษย์ เทวดากับพรหม และต่อไปถ้ากำลังใจเต็มไม่สนใจร่างกาย ไม่สนใจเทวดาพรหมก็ไปนิพพาน
ที่มา http://www.palungjit.com/
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น