"การให้ทานในแบบของพระพุทธศาสนา"
สามารถอ่านได้ที่ด้านล่างเว็บนะครับ

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

จะไปพระนิพพานได้หรือไม่ ถ้าไม่รู้จักพระนิพพาน

ไม่รู้จักพระนิพพาน จะไปพระนิพพานได้หรือไม่ ? ถาม : ถ้าเราไม่รู้จักพระนิพพาน มโนมยิทธิก็ไม่ได้ ศีลสมาธิก็ไม่ค่อยดี เราจะไปนิพพานอย่างไร ? ตอบ : อีกหลายชาติ ถ้าหากทำในศีล สมาธิ ปัญญาไปจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ถ้าหากสิ่งที่เราทำนั้นดี ทำถูกจริง จะสามารถสัมผัสนิพพานได้เลยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องรู้ชัดเจน เพราะอารมณ์พระนิพพานจะมาสัมผัสกับใจของเราเอง เพราะฉะนั้น..บรรดาท่านทั้งหลายที่เป็น สุกขวิปัสสโก ไม่ได้รู้เห็นอะไรเลย แต่ทำไมมั่นใจนักหนาว่านี่คือพระนิพพาน...

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

การวิเคราะห์วิจารณ์พระไตรปิฎกเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย

ถาม : สมัยอดีตกาลตอนที่พระพุทธเจ้าออกบวช ในโลกนี้มีศาสนาเดียวหรือหลายศาสนาครับ ? ตอบ : มีมากมายหลายศาสนา มีการเชื่อถือและปฏิบัติแตกต่างกันไป แต่ว่าท้ายที่สุด ศาสนาพุทธที่ประกาศ อริยสัจ คือความจริงอันเจริญ สามารถครองใจคนได้ จนกระทั่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา เพราะว่าเป็นของจริงของแท้พิสูจน์ได้ทุกเวลา จำไว้นะว่า ศาสนาพุทธเป็นอริยสัจ คือความจริงอันเจริญ ให้ทำตามอย่างเดียว ไม่ต้องไปเสียเวลาไปวิเคราะห์วิจัย สมัยนี้พวกเรียนหนังสือเรียนมากไป พยายามจะเอาปรัชญามาจากพุทธศาสนา...

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

พระธาตุขององค์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

พระธาตุหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน พระธาตุของหลวงตาชุดนี้ ผู้เขียนได้ติดตามถ่ายภาพหลังจากหลวงตาละขันธ์(มรณภาพ)แล้ว โดยไม่คาดคิดว่าพระธาตุของท่านจะมีลักษณะหลากหลายโดยเกิดได้จากส่วนต่าง ๆ ของธาตุขันธ์(ร่างกาย)ได้หลายประเภท เห็นว่าน่าสนใจมาก จึงได้นำมาลงให้ชม น้ำบ้วนปากของหลวงตามหาบัว สังเกตด้วยสายตาไม่สามารถเห็นอะไรนอกจากเศษอาหารเล็ก ๆ ที่จมอยู่ในน้ำ แต่เมื่อใช้กล้องติดเลนส์ขยายพิเศษ พบว่ามีเศษอาหารและวัตถุทรงกลมเล็ก ๆ หลาย ๆ ชิ้นอยู่ในน้ำ และที่ผิวน้ำพบวัตถุสีใสลอยอยู่เป็นระยะ คำหมากของหลวงตามหาบัว บริเวณที่เป็นเนื้อหมากเกิดผลึกสีขาวใส...

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

คาถาเงินล้านและวิธีสวด

***คาถาเงินล้าน** ตั้งนโม 3 จบ สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ(คาถาปัดอุปสรรค) พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม(คาถาเงินแสน) มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม(คาถาลาภไม่ขาดสาย) มิเตพาหุหะติ(คาถาเงินล้าน) พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม(คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า) สัมปะติจฉามิ(คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น) เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ (บูชากี่จบก็ได้...

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

กรรมฐานแก้กรรมอย่างไร หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน

กรรมฐานแก้กรรมอย่างไร หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ถ้าท่านพบพระเมื่อใด ท่านจะสบายใจเมื่อนั้น การเจริญกรรมฐาน ให้พบพระที่ถูกต้อง ถ้าท่านกำหนดจิต โดยใช้ชีวิตที่จะพบพระ มีการกำหนดจิตให้มีสติสัมปชัญญะ สร้างความดีให้กับตัวเอง ท่านจะพบพระ จิตใจจะประเสริฐ จิตใจจะเย็นสบาย มีความสุข ถ้าจิตใจมีแต่ความทุกข์ ท่านจะพบพระได้ที่ไหน มาพบพระที่วัดอัมพวันก็ไม่ใช่พระของท่าน พระอยู่ในจิตก็หารู้ไม่ กลับเอาพระออกจากจิตใจไปเสีย เอาความวุ่นวายเข้ามาแทนที่ สร้างความดีไม่ได้ดังกล่าวแล้ว ไฉนเลยเล่าจะพบของดีในตัวเอง...

ปฏิบัติ 4 ข้อเพื่อไปพระนิพพาน คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

ผู้เข้ากระแสพระนิพพาน คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน  วัดท่าซุง 1. ระงับความพอใจในขันธ์ 5 เสีย คิดว่าร่างกาย มันตายอยู่ตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ลืมความตาย เป็นทั้งสมาธิและวิปัสสนารวมกัน 2. ทรงศีลให้บริสุทธิ์ ควรทำเป็นสีลานุสสติกรรมฐาน ทรงศีลให้เป็นกำลังฌาน คือ ทรงอารมณ์อยู่ในศีล ตลอดวันตลอดคืน ไม่ยอมให้ศีลบกพร่องทางใจ ไม่ใช่ต้องไปนั่งหลับตาปี๋ ให้ลืมตาทำงาน คุยกับหมากับแมว หรือเจอะหน้าคนด่าคนนินทา ศีลเราทรงตัวไม่หวั่นไหวใช้ได้ เป็นการตัดสังโยชน์...

การให้ทานในแบบของพุทธศาสนา

ในสเตตัสก่อนผมเขียนไว้ไม่ครบ
อาจทำให้หลายท่านเข้าใจผิดบางประเด็น
จึงขอแจกแจงให้ละเอียดขึ้นครับ

เมื่อพูดถึง ‘การให้ทานในแบบของพุทธ’
ต้องเข้าใจว่าไม่ได้หมายถึงการถวายสังฆทาน
แต่มุ่งเอา ‘จิตคิดให้ เพื่อสละความตระหนี่’ เป็นหลัก

แต่เมื่อกล่าวถึงอานิสงส์แก่ผู้ให้และผู้รับ
นับเอาความสุข ความเจริญ
ที่ผลิดอกออกผลในปัจจุบันกาลและอนาคตกาล
พระพุทธเจ้าก็ตรัสจำแนกแจกแจงไว้ดังนี้

ทานอันดับหนึ่ง ไม่มีอะไรชนะได้ คือธรรมทาน
(สัพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ)
ธรรมทานคือการให้ความรู้ ให้มุมมอง ให้แรงบันดาลใจ
ที่จะนำไปสู่การมีที่พึ่งให้ตนเอง ทั้งในการใช้ชีวิตนี้
และการเวียนว่ายตายเกิดต่อๆไปในชีวิตหน้า
ยกเอาสิ่งที่จะทำให้เห็นชัดว่าทำไมธรรมทานจึงเป็นที่หนึ่ง
ต้องดูจากที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
การตอบแทนพ่อแม่อันสมน้ำสมเนื้อกับที่ท่านให้ชีวิตเรา
คือการทำให้พ่อแม่ (ซึ่งยังไม่เข้าใจธรรม)
ได้เกิดศรัทธาที่ตั้งมั่นในธรรม มีใจตั้งมั่นในทานและศีล
ถ้าทำได้ ก็เรียกว่าเป็นการให้ธรรมเป็นทานอันยิ่งใหญ่ที่สุด
เพราะช่วยผู้ให้กำเนิดชีวิตเรา ปลอดภัยในการเดินทางไกล
ต่อให้ลูกกตัญญู แบกพ่อแม่ไว้บนบ่าให้อึฉี่รดหัวเราตลอดอายุขัย
ก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนได้เท่าการให้ธรรมเป็นทานแก่พวกท่าน

ทานอันดับสอง คือการรักษาศีล
เพราะเมื่อรักษาศีลแล้ว
สัตว์ที่มีสิทธิ์ได้รับความเดือดร้อนจากการเบียดเบียนของเรา
หรือคู่เวรที่จำต้องถูกเราประหัตประหารหรือทำร้ายกัน
ก็จะได้รับการปลดปล่อยจากเขตอันตราย
หรือได้รับการปกป้องให้ปลอดภัยจากศีลของเรา
แม้เขาทำให้เราผูกใจเจ็บ ก็ได้รับอภัยทานจากเรา
ไม่ต้องตีกันไปตีกันให้เจ็บช้ำน้ำใจกันยืดเยื้อต่อไปอีก

ทานอันดับสาม คือการให้ทรัพย์ ให้แรงงาน ให้กำลังสมอง
เมื่อให้สิ่งที่เรามีเป็นทาน ย่อมได้ชื่อว่าสละความหวงแหน
อันเป็นเหตุให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น
นับเป็นต้นทางหลุดพ้นจากการยึดติดผิดๆ

ประเด็นคือการให้ทรัพย์ ให้แรงงาน ให้กำลังสมองนั้น
ถ้าจะดูว่าให้กับใครจัดว่าให้ผลใหญ่ที่สุด
ก็ต้องมองว่า ‘ผู้มีจิตบริสุทธิ์’ หรือ ‘ผู้พยายามทำจิตให้บริสุทธิ์’
คือผู้ที่ทำให้เรารู้สึกดีที่สุด
ลองเทียบดูระหว่างช่วยพระกับช่วยโจร
อย่างไหนทำให้ปลื้มมากกว่ากัน

การทำทานกับสมณะในพุทธศาสนานั้น ถือว่าเลิศสุด
(ย้ำว่าในมุมมองของพุทธเรา)
ดังเช่นที่ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้หลายแห่งว่า
เป็นเหตุให้มีจิตผูกพันกับพุทธศาสนา
เป็นปัจจัยให้เข้าถึงมรรคผลนิพพาน

ทั้งนี้ทั้งนั้น การช่วยทุกอย่าง มีผลดีหมด
อย่างเช่น ช่วยกลับใจโจร
ก็ได้ผลเป็นความไม่เดือดร้อนของเราเองในปัจจุบัน
และในกาลข้างหน้าเมื่อเราหลงผิด
ก็ย่อมมีผู้มาช่วยเปลี่ยนความคิดให้เห็นถูกเห็นชอบได้ง่าย เป็นต้น ครับ

ที่มา Dungtrin